HomeArticleจัดการปัญหาสิวให้อยู่หมัด

จัดการปัญหาสิวให้อยู่หมัด

เทคนิคดีๆ ในการรักษาสิว ให้ผิวใสกับ 7 ไอเทมรักษาสิวที่หาซื้อได้ง่าย ราคาถูกประสิทธิภาพดี ที่จะทำให้คุณผิวหน้าดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องจ่ายแพง ไม่ต้องเสียเวลามาก

Cleanser (ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว)

ขั้นตอนแรกที่จะทำให้เราไม่นกได้นั้น เราจะต้องดูแลรักษาความสะอาดของผิวหน้าเสียก่อน เนื่องจากปัจจุบันมลพิษเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้คนส่วนใหญ่อีกเช่นกัน ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะปล่อยหน้าเปลือยมาสู้สาธารณชนได้ เราก็ไม่ควรที่จะให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยเหมือนกันนะ

สิ่งการทำความสะอาดผิวหน้าก็มีได้หลากหลายขั้นตอนและมีผลิตภัณฑ์มากมายให้เลือกใช้ หลายคนที่ต้องแต่งหน้า ก็อาจจะต้องใช้ Cleanser ในการลบเครื่องสำอางออกก่อนเป็นต้น

แต่ในวันนี้เราจะเสนอวิธีการทำความสะอาดผิวหน้าที่คิดว่าจำเป็นสำหรับทุกคนถ้าอยากจะให้ผิวหน้าใสและไม่นก นั่นคือการล้างหน้านั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าการล้างหน้าจะทำโดยการเอาสบู่มาถูๆ ไปให้เสร็จๆ นะ เราควรเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิวเราด้วยซึ่งเราจะมีวิธีแนะนำให้ง่ายๆ เลยก็คือ
  1. หากคุณเป็นคนผิวมัน คนผิวมันมีสภาพผิวที่ผลิตไขมันออกมามากเกินไป ซึ่งอาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมน หรือความเครียด การเลือกโฟมล้างหน้าสำหรับคนผิวมัน ไม่ควรเลือกโฟมล้างหน้าที่รุนแรงจนเกินไปเนื่องจากอาจกระตุ้นให้ผิวสร้างความมันบนใบหน้ามากยิ่งขึ้น วิธีการเลือกโฟมล้างหน้าที่ง่ายที่สุดเลยคือควรเลือกสูตรที่เป็น Oil Solution หรือสูตรสำหรับผิวมัน ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อเลยแหละ
  2. หากคุณเป็นคนผิวแห้ง เกิดจากการที่มีการผลิตไขมันน้อยเกินไป อาจเกิดได้จากพันธุกรรมด้วยเช่นกัน และอาจจะมีปัจจัยอื่นๆได้เช่น สภาพอากาศ หรือสัมผัสกับแสงแดดแรงๆ บ่อยๆ นอกจากนี้คนผิวแห้งยังมีโอกาสเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายกว่าอีกด้วย การเลือกโฟมล้างหน้าสำหรับผิวแห้ง ควรเลือกสูตรที่ผสมมอยเจอไรเซอร์ หรือสูตรเพิ่มความชุ่มชื้นสำหรับผิวแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไป จนอาจเกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้
  3. หากคุณเป็นคนผิวผสมหรือผิวธรรมดา ค่อนข้างเป็นผิวที่มีสุขภาพดี สำหรับบางคนอาจจะมีความมันในส่วน T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง) บ้าง ซึ่งการดูแลผิวไม่ยากเท่ากับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือผิวมัน แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรละเลย ควรจะรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะอาจจะเกิดสิวหรือเกิดปัญหาได้จากมลภาวะที่มาอุดตันผิวได้เช่นกัน
  4. หากคุณเป็นคนผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ หากเป็นไปได้ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบว่าสารหรือส่วนผสมใดบ้างที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ เพื่อป้องกันปัญหาที่ตามมา นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวที่ต้องการลดหรือแก้ไขปัญหารอยแดงรอยดำอาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีและอี ซึ่งจะช่วยให้รอยจากสิวและแผลเป็นจางลงได้และการล้างหน้าก็ไม่ควรถูหรือสครับอย่างรุนแรง เนื่องจากอาจกระตุ้นให้ผิวหนังหรือบริเวณที่มีปัญหาเกิดการอักเสบมากขึ้น สำหรับบางคนก็อาจจะมีขั้นตอนเพิ่มเติมหลังจากการล้างหน้าได้อีก เช่น การเช็ดด้วยโทนเนอร์ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าอย่ารุนแรงกับผิวเกินไปนะ

Toner (ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดผิว)

โทนเนอร์ (Toner) หรือโลชั่นเช็ดผิว สารละลายที่ไว้ใช้สำหรับเช็ดทำความสะอาดผิวหลังขั้นตอนการล้างหน้า ซึ่งนอกจากจะช่วยทำความสะอาดแล้วยังช่วยฟื้นบำรุง ปรับสมดุลผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย

แต่เดิมนั้นโทนเนอร์มีจุดประสงค์เพื่อทำความสะอาดผิวหน้าเป็นหลัก จึงมักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้หลายคนคิดว่าการใช้โทนเนอร์เช็ดผิวหน้าเป็นการทำร้ายผิว แต่ปัจจุบันโทนเนอร์มีมากมายหลากหลายสูตรด้วยกัน ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ลดลงหรือไม่มีเลย แล้วยังเพิ่มสารบำรุงต่างๆอีกมากมาย เช่น วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื้น และกระชับรูขุมขนได้อีกด้วย และผิวที่ชุ่มชื้นจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสามารถดูดซึมได้ดี ไม่ตกค้างและเป็นสิวอุดตัน "สำหรับใครที่ประสบปัญหาว่าซื้อครีมบำรุงมาราคาแพงๆ แต่ก็ยังไม่เห็นผล แถมเป็นสิวอุดตันอีกต่างหาก ลองทำความสะอาดผิวหน้าในขั้นตอนสุดท้ายด้วยโทนเนอร์ดู แล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่าง" หลักการเลือกโทนเนอร์

โทนเนอร์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ โทนเนอร์ขจัดสิ่งสกปรก เช่น ไขมันส่วนเกิน ฝุ่นละออง หรือสารตกค้างต่างๆจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่ล้างออกไม่หมด และ โทนเนอร์ บำรุงผิว ซึ่งมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงความชุ่มชื้นผิว

หากคุณเป็นผิวมัน ผิวผสม ควรเลือกโทนเนอร์สูตรที่ทำความสะอาดผิวขจัดสิ่งสกปรกและไขมันส่วนเกิน โดยสังเกตที่เป็นโทนเนอร์ที่มี "เบสเป็นน้ำ" โดยไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม ส่วนผู้ที่มีผิวแห้ง ควรเลือกโทนเนอร์ที่ผสมสารบำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้น สูตรเติมน้ำ หรือในบางสูตรอาจจะมีน้ำมันเป็นส่วนผสมด้วยก็ได้ สำหรับวิธีการใช้ คือ ใช้สำลีชุบโทนเนอร์และเช็ดอย่างอ่อนโยนหลังล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น (แนะนำให้เช็ดจากล่างขึ้นบนอย่างเบามือ) เท่านี้ผิวหน้าก็พร้อมสำหรับการบำรุงผิวในขั้นตอนถัดไปแล้ว

Benzoyl Peroxide (เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์)

ยารักษาสิวที่ถือได้ว่าเป็นยารักษาสิวในตำนาน หรือจะเรียกว่าเป็นยารักษาสิวครอบจักรวาลกันไปเลย หลายๆ คนอาจจะรู้จักยาตัวนี้อยู่แล้ว นั่นก็คือ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือที่รู้จักกันในชื่อการค้า เบนแซค (Benzac) เอ็นโซซิด (Enzoxid) เป็นต้น

ที่ยารักษาสิวตัวนี้ได้เป็นยารักษาสิวในตำนานที่แทบทุกคนจะต้องเคยใช้เนี่ยเพราะว่าคุณสมบัติของมันที่เป็นยารักษาสิวที่ทาแล้วแก้ปัญหาได้ครบจบในตัวเดียวสำหรับผู้มีปัญหาสิวไม่รุนแรงที่รักษาได้ทั้งสิวอักเสบติดเชื้อและสิวอุดตันเลยทีเดียว

ด้วยการทำงานของมันคือการปล่อยออกซิเจนเข้าไปที่รูขุมขนเพื่อยับยั้งและทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว และยังสามารถลดไขมันส่วนเกินที่รูขุมขนซึ่งเป็นปัญหาของสิวอุดตันไปได้อีก ไม่เพียงเท่านี้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ยังสามารถช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกซึ่งสามารถลดการเกิดสิวอุดตันไปได้อีกกลไกหนึ่ง ด้วยสาเหตุนี้เองทำให้หลายๆคนยกย่องให้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์เป็นยารักษาสิวในตำนานกันเลยทีเดียว

สำหรับวิธีใช้ก็คือ ทาให้ทั่วบริเวณใบหน้าหรือเฉพาะบริเวณที่ต้องการรักษาสิวก่อนล้างหน้าแล้วทิ้งไว้เป็นเวลาประมาณ 15 นาทีแล้วจึงล้างออก แต่หากไม่ถึง 15 นาทีแล้วมีอาการแสบแดงร้อน ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงแรกที่ใช้ยา ก็สามารถล้างออกก่อนได้ แล้วค่อยๆเพิ่มเวลาในครั้งถัดๆไป และยังใช้แต้มหัวสิวอักเสบหรือสิวอุดตันโดยไม่ต้องล้างออกก็ได้อีกด้วย

แต่แน่นอนเช่นเดียวกับยาทุกอย่างก็ต้องมีข้อควรระวังและผลข้างเคียง ซึ่งผลข้างเคียงของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์คือ อาจทำให้หน้าแดง แสบ ลอก เป็นขุย คันยิบๆเล็กน้อย ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงแรกที่ทา อาการดังกล่าวจะหายไปเมื่อทายาต่อเนื่อง แต่ถ้าทาแล้วรู้สึกแสบหน้าอย่างรุนแรงควรหยุดใช้ ไม่ควรใช้ยานี้กับเด็ก หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการทาบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนเช่นมุมปาก ตา และปีกจมูก นอกจากนี้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์อาจจะกัดสีผมและสีเสื้อผ้าให้ซีดด่างได้อีกด้วยนะ สำหรับผู้ที่ทาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์แนะนำให้ใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น มอยซ์เจอไรเซอร์ต่างๆควบคู่ไปด้วยเนื่องจากเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ทำให้เกิดผิวแห้งได้เช่นกันครับ หากผู้ที่ต้องการใช้ยานี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนเริ่มใช้ยานี้เพื่อประสิทธิภาพที่ดีและความปลอดภัยของทุกคน

Moisturizer (ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น)

ผิวที่ชุ่มชื้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องการพิจารณาสุขภาพผิวเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการมีผิวที่ชุ่มชื้น ก็จะทำให้ผิวของเราสามารถมีการทำงานตามธรรมชาติได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเก่า สร้างเซลล์ผิวใหม่ ได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้น้ำในผิวก็ยังสามารถไปเติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ ลดริ้วรอย และทำให้ผิวนุ่มเด้งดูอ่อนเยาว์ และทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และวิตามินต่างๆ ซึบซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นก็มีอยู่ด้วยกันหลายประการ โดยแบ่งออกเป็น

ปัจจัยภายนอก

  1. ความชื้นในอากาศ หากเราอยู่ในอากาศที่มีความชื้นต่ำๆ เช่นเมืองหนาว หรืออยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานานๆ ความชื้นในอากาศที่ลดลงก็สามารถดึงน้ำจากผิวเราออกไปได้
  2. แสงแดด และรังสี UV ตัวการสำคัญของหลายปัญหาผิว
  3. การทำความสะอาดผิวหน้าที่มากเกินไปทำให้สูญเสียชั้นไขมันที่เป็นเกราะปกป้องความชื้นไป หรือการผลัดเซลล์ผิวมากเกินไปจนเกินภาวะปกติของร่างกาย ก็ทำให้เสียสมดุลความชุ่มชื้นของผิวไปได้

ปัจจัยภายใน

  1. อายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้การผลิตน้ำหล่อเลี้ยงผิวและต่อมไขมันต่างๆลดลง
  2. เชื้อชาติ โดยเฉพาะชาวเอเชียอย่างเราที่ จะมีการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงผิวน้อยกว่าชนชาติอื่นๆ
  3. โรคทางผิวหนังบางอย่างเช่น โรคสะเก็ดเงิน
โดยความชุ่มชื้นของผิวนั้นจะแตกต่างจากผิวแห้งผิวมัน เนื่องจากลักษณะของผิวแห้งหรือผิวมันนั้นจะเป็นลักษณะที่เกี่ยวข้องกับต่อมไขมันและการผลิตน้ำมันออกมายังผิว แต่ส่วนความชุ่มชื้นของผิวนั้น เกี่ยวข้องกับน้ำ และการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงผิวเป็นหลัก ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาผิวมันก็สามารถมีปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้นได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเพื่อสุขภาพผิวที่ทุกคนก็ไม่ควรละเลยจากการใช้มอยส์เจอไรเซอร์นะครับ สำหรับการเลือกมอยส์เจอไรเซอร์นั้นก็สามารถพิจารณาจากประเภทของมอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
  1. ประเภทที่ช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิว เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำ และสามารถจับกับน้ำได้ดี ที่รู้จักกันดีเช่น Hyaluronic acid, glycerin, lactic acid, gelatin, collagen, elastin, urea หรือแม้แต่น้ำผึ้งก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน มอยส์เจอไรเซอร์กลุ่มนี้จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว
  2. สารเคลือบผิวป้องกันการระเหยของน้ำและความชุ่มชื้น สำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้มีผิวแห้งเนื่องจากมีสารประกอบของสารประเภทน้ำมัน แต่ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีผิวมันเนื่องจากอาจทำให้เกิดการอุดตันและมีปัญหาสิวตามมาได้ ส่วนประกอบสำคัญของมอยส์เจอไรเซอร์ประเภทนี้จะมีส่วนผสมหลักเป็นสารประเภท Oil และ Fatty acid ทั้งหลาาย ทำหน้าที่เคลิอบผิวป้องกันการสูญเสียน้ำและความชื้นออกจากผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ทันทีหลังจากที่ใช้
นอกจากนี้ยังมอยส์เจอไรเซอร์ยังทำออกมาทั้งในรูปแบบเนื้อครีมและโลชั่น ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการกันอีกด้วย

Antibiotics (ยาปฏิชีวนะ)

ในตอนนี้เราก็จะพูดถึงยารักษาสิวอีกตัวหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นตำนานของผู้เป็นสิวที่หลายๆคนมันนึกถึงเมื่อมีสิวเม็ดน้อยเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเรานั่นคือยาฆ่าเชื้อหรือยาปฎิชีวนะนั้นเอง ซึ่งยาที่เป็นที่รู้จักกันเช่น Clindamycin (Clindalin Gel, Clinda-M), Doxycycline, Tetracycline และอื่นๆ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าหลายๆคนจะต้องเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้วแน่นอน แต่รู้หรือไม่ ไม่ใช่สิวทุกเม็ดบนใบหน้าของเราที่จำเป็นจะต้องใช้ยาฆ่าเชื้อมาทาหรือมารับประทานกันตลอดเวลาหรอกนะ

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าสิวของคนเราเกิดได้หลายประเภท อาจจะเป็นเพียงสิวอุดตัน ซึ่งยังไม่มีการติดเชื้อเกิดขึ้น ซึ่งในกรณีนี้การทาหรือรับประทานยาปฏิชีวนะก็จะรุนแรงกันเกินความจำเป็น แต่ถ้าในกรณีที่เป็นสิวหนองซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกให้ทราบได้ชัดเจนเลยว่าเป็นสิวติดเชื้อ ดังนั้นการทายาฆ่าเชื้อก็สมเหตุสมผล

สำหรับยาปฏิชีวนะในรูปแบบทาก็มีหลายตัว ได้แก่ Erythromycin, Clindamycin เป็นต้น ซึ่งมีทั้งในรูปแบบเจล ครีม หรือโลชั่นให้เลือกใช้ สำหรับผู้ที่ทายาปฏิชีวนะอาจจะใช้คู่กับ Benzoyl peroxide ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อได้ นอกจากนี้ยังลดอัตราการดื้อยาได้อีกด้วย

การใช้ยาปฏิชีวนะในรูปแบบรับประทาน #ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของตัวคุณเอง เนื่องจากการรับประทานยาปฏิชีวนะมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ทั้งความรุนแรงของโรค, การแพ้ยาเป็นต้น สำหรับยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานจะเริ่มเห็นผลใน 6-10 สัปดาห์หลังจากเริ่มรับประทาน โดยจะให้ผลดีที่สุดหลังจากใช้เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งมียาปฏิชีวนะหลายตัวอีกเช่นกัน ซึ่งแพทย์หรือเภสัชกรจะเลือกยาให้อย่างเหมาะสมที่สุดกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้ว และต้องเน้นย้ำกันอีกทีว่าไม่ใช่ทุกคนที่เป็นสิวต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้วยังอาจจะได้รับผลข้างเคียงแถมมาให้อีกด้วยนะ

Contraceptive (ยาคุมกำเนิด)

สำหรับคุณผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องสิวโดยเฉพาะเลย เนื่องจากว่าเป็นการรักษาสิวด้วยการใช้ยาคุมกำเนิดนั่นเอง หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินกันมาแล้วสำหรับการรักษาสิวด้วยยาคุมกำเนิด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการรักษาที่สามารถทำได้จริงและมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ต้องขอเตือนก่อนเลยว่าการรับประทานยาคุมกำเนิดมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึง และพิจารณาถึง เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ใช้ยาเอง หากต้องการเริ่มใช้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งด้วยนะครับ

ยาคุมกำเนิดที่ใช้รักษาสิว จะอาศัยฤทธิ์ Antiandrogen ของยา Progestin เพื่อต้านฮอร์โมนเพศชาย ส่งผลให้ลดการสร้างไขมันบนใบหน้าลงได้ ตัวอย่างเช่น estrogen/cyproterone (Dian-35), estrogen/drospirenone (Yaz, Yasmin) ซึ่งยาคุมกำเนิดจะใช้เป็นการรักษาชั้นรอง (Second line therapy) ในผู้ป่วยที่มีอาการ moderate to severe acne ในเพศหญิง กรณีที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาปกติ

แต่การที่จะเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดได้นั้น ต้องย้ำอีกครั้งเลยว่า ยาถึงแม้จะมีประโยชน์แต่อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนนะครับ แต่ถ้าไม่รู้จะปรึกษาใคร เภสัชกรไอคอนนิคพร้อมให้คำปรึกษาเสมอครับ

Retinoid (อนุพันธ์วิตามินเอ เรตินอยด์)

ยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ยาในกลุ่มนี้เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ หรืออยู่ในกลุ่มเดียวกับสารจำพวกเบต้า-แคโรทีน นั่นเอง หลายๆคนก็คงจะทราบถึงคุณประโยชน์อันมากมายของสารในกลุ่มนี้กันบ้าง ซึ่งครั้งนี้เราจะขอมาเจาะลึกเรื่องสิวและผิวหน้ากันดีกว่า

หลักการออกฤทธ์ของสารในกลุ่ม Retinoids นี้ยังมีกลไกไม่แน่ชัดแต่ออกฤทธิ์โดยการทำให้เซลล์จับกันหลวมๆ ทำให้ต่อไขมันฝ่อและสร้างไขมันลดลง กดการเจริญของเชื้อ P.acne และลดการอักเสบ

เรตินอยด์มีรูปแบบการใช้ 2 รูปแบบคือ แบบใช้ทาภายนอก (Topical) และแบบรับประทาน (Oral) สำหรับยาในรูปแบบทาจะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นคือ
  1. First-generation: Tretinoin (Retin-A)
  2. Second-generation: Isotretinoin (Isotrex)
  3. Third-generation: Adapalene (Differin), Tazarotene (Tozarac)


ซึ่งความแตกต่างกันในแต่ละรุ่นคือยิ่ง Generation ใหม่ๆ จะยิ่งมีอาการไม่พึงประสงค์ที่ลดลงสามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรและสามารถซื้อในร้านยาได้

สำหรับรูปแบบรับประทาน (Oral) คือ Isotretinoin (Roaccutane, Acnotin) ซึ่งจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องสั่งใช้โดยแพทย์เท่านั้นเนื่องจากมีผลข้างเคียงและมีอันตรายมากเช่น อาจทำให้ Cholesterol, Triglyceride และระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทำให้เกิดพิษต่อตับ เป็นพิษกับทารกในครรภ์ ทำให้ทารกตาย คลอดก่อนกำหนด หรือพิการ ทำให้เกิดสภาวะซึมเศร้า หรือเพิ่มความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยต้องปรึกษาแพทย์เท่านั้นนะ

สำหรับคำแนะนำในการใช้เรตินอยด์รูปแบบทาคือ ที่สำคัญที่ผู้ที่จะเริ่มใช้ยานี้ควรทราบคืออาจทำให้มีสิวเห่อขึ้นได้ในช่วงแรกที่ใช้ (3-4 เดือน) อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าจะเป็นยาที่มีประสิทธิภาพเป็นขวัญใจของใครหลายๆคน แต่เพื่อความปลอดภัยอย่าลืมปรึกษา
RELATED ARTICLES
RELATED PRODUCT